เราทุกคนมีทูตสวรรค์ผู้อารักขา ให้เราฟังเสียงของท่านเถิด
เราทุกคนมีทูตสวรรค์อยู่เคียงข้างเสมอ ผู้ซึ่งไม่เคยทอดทิ้งหรือทำให้เราต้องหลงทาง และหากเรารู้จักทำตนให้เป็นเหมือนเด็ก ๆ เราก็สามารถหลีกเลี่ยงการถูกประจญเรื่องการอวดตัว หรือยึดมั่นในตนเอง สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเตือนให้คิดถึงบทบาทของทูตสวรรค์ ในชีวิตคริสตชนว่าทูตสวรรค์มี 2 ภาพลักษณ์ คือ ทูตสวรรค์และเด็ก
หนังสืออพยพ บทที่ 23:20 นำเสนอ “ภาพลักษณ์ของทูตสวรรค์” ว่าเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงส่งมาเพื่อช่วยประชากรในการเดินทางรอนแรม “ดูเถิด เราได้ส่งทูตสวรรค์นำหน้าท่าน เพื่อปกปักรักษา และนำท่านไปยังที่ ที่เราได้จัดเตรียมไว้ให้”
พระวรสารนักบุญมัทธิว (มธ 18:10) นำเสนอภาพลักษณ์ที่สองคือ เด็ก บรรดาสานุศิษย์ได้ถกเถียงกันว่าใครเป็นใหญ่สุดในพวกเขา มีการโต้แย้งกันภายในกลุ่มว่าใครเก่งหรือเป็น “มืออาชีพ” มากกว่ากัน พระเยซูเจ้าทรงสอนบรรดาสานุศิษย์ถึงทัศนคติที่ถูกต้อง โดยเรียกเด็กคนหนึ่งเข้ามาหาพระองค์ และให้ยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขา ทั้งสอนว่าให้ทำตัวเหมือนเด็ก คือมีความอ่อนน้อม ยอมรับฟังคำแนะนำ และความช่วยเหลือเพราะเด็ก ๆ เป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนถึงความจำเป็นที่ต้องได้รับการช่วยเหลือ และความอ่อนน้อมที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้า
พระสันตะปาปาทรงย้ำพระดำรัสของพระเยซูเจ้าที่ว่า ใครที่ถ่อมตนเหมือนเด็ก ๆ จะได้เป็น “ใหญ่ที่สุด” “จงระวังให้ดี อย่าดูหมิ่นผู้เล็กน้อยเหล่านี้สักคนหนึ่ง เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่า ทูตสวรรค์ของพวกเขาคอยเฝ้าอยู่เฉพาะพระพักตร์พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์เสมอ”
พระสันตะปาปาทรงแนะนำว่า “หากท่านมีทัศนคติความอ่อนน้อมสุภาพ เชื่อฟังคำแนะนำ เปิดใจรับ ไม่ทะเยอทะยานอยากเป็นใหญ่กว่าใครอื่น มีทัศนคติที่ไม่ต้องการเดินตามหนทางชีวิตเพียงลำพัง ท่านก็จะมีทัศนคติความเป็นเด็กและใกล้ชิดพระบิดาเจ้ามากขึ้น”
“ตามธรรมประเพณีของพระศาสนจักร เราทุกคนมีทูตสวรรค์อยู่ด้วยกับเรา ท่านคอยคุ้มครองปกปักรักษาเรา และทำให้เราสดับฟังเสียงของพระเจ้า เราได้ยินอยู่เสมอว่า ฉันควรทำสิ่งนี้อย่างนี้… หรืออย่างนี้ไม่ดีฉันต้องระวัง นี่คือเสียงของเพื่อนร่วมทางที่แท้จริง เราแน่ใจได้ว่า ท่านสามารถนำเราไปสู่จุดหมายของชีวิตได้ด้วยความแนะนำของท่าน ด้วยเหตุนี้ เราจึงจำเป็นต้องฟังเสียงของท่านและไม่ขัดขืน ไม่ก่อ “การกบฏ” คือความปรารถนาอยากเป็นอิสระ เป็นความจองหองถือตัว เราจงอย่าขัดขืน แต่จงทำตามคำแนะนำของท่านเถิด
พระสันตะปาปาทรงยืนยันว่า “ไม่มีใครเดินโดยลำพัง และไม่มีใครในพวกเราคิดว่าตนเองโดดเดี่ยวเพราะเพื่อนร่วมทางของเราอยู่ที่นั่นด้วยเสมอ แต่เมื่อเราไม่ต้องการฟังคำแนะนำของท่าน ไม่อยากฟังเสียงของท่าน เราบอกท่านว่า ไปจากฉันเสียเถิด! อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องอันตรายมากที่จะขับไล่เพื่อนร่วมทางของเราไป เพราะไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็ไม่สามารถให้คำแนะนำแก่ตนเองได้ ฉันสามารถให้คำแนะนำคนอื่นได้ แต่ฉันไม่สามารถแนะนำตนเองได้ เป็นพระจิตเจ้าเองที่ทรงแนะนำฉัน เป็นทูตสวรรค์ที่สั่งสอนฉัน และเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเรา”
พระสันตะปาปาทรงกระตุ้นเตือนเรื่อง “ข้อความเชื่อเกี่ยวกับบรรดาทูตสวรรค์” ว่ามิใช่เพียงเรื่อง “เพ้อฝัน” แต่เป็นความจริงแท้ประการหนึ่ง เป็นสิ่งที่พระเจ้าพระองค์เองตรัสว่า “ดูเถิด เราได้ส่งทูตสวรรค์นำหน้าท่าน เพื่อปกปักรักษา และนำท่านไปยังที่เราได้จัดเตรียมไว้ให้”
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงสรุปด้วยการเสนอคำถาม เพื่อให้แต่ละคนสามารถพิจารณามโนธรรมของตนไปด้วยว่า “ความสัมพันธ์ของฉันกับทูตสวรรค์เป็นอย่างไร ฉันฟังท่านหรือไม่ ฉันทักทายท่านบ้างไหม ฉันขอให้ท่านคุ้มครองฉัน ขณะนอนหลับหรือเปล่า ฉันพูดกับท่านหรือไม่ ฉันขอคำแนะนำจากท่านบ้างไหม ฉันเชื่อว่าท่านอยู่ข้างกายฉันหรือเปล่า” เราสามารถตอบคำถามเหล่านี้ เพื่อประเมินตนเองถึงความสัมพันธ์กับทูตสวรรค์ที่พระเจ้า ทรงส่งมาให้เป็นผู้ช่วยและเพื่อนร่วมเดินทางของเรา และท่านเป็นผู้อยู่เฝ้าเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า พระบิดาในสรวงสวรรค์
บททูตสวรรค์ของพระเจ้า
ทูตสวรรค์ของพระเจ้า พระองค์ทรงพระกรุณามอบข้าพเจ้าไว้ในความอารักขาของท่าน โปรดส่องสว่าง พิทักษ์รักษา คุ้มครอง และนำทางชีวิตข้าพเจ้าในวันนี้ (คืนนี้) ด้วยเทอญ อาแมน