ถุงหนังใหม่ชีวิตใหม่
“วันหนึ่งบรรดาศิษย์ของยอห์น เข้ามาทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “ทำไมพวกเราและพวกฟาริสีจำศีลอดอาหาร แต่ศิษย์ของท่านไม่จำศีลเลย” พระองค์ทรงตอบว่า “ผู้รับเชิญมาในงานแต่งงานจะโศกเศร้าหรือขณะที่เจ้าบ่าว ยังอยู่กับเขา แต่จะมีวันหนึ่งที่เจ้าบ่าวจะถูกแยกไป วันนั้นเขาจะจำศีลอดอาหาร ไม่มีใครนำผ้าใหม่ไปปะเสื้อเก่า เพราะผ้าใหม่ที่นำมาปะเสื้อเก่านั้นจะหดตัว ทำให้รอยขาดมากกว่าเดิม ไม่มีใครใส่เหล้าองุ่นใหม่ลงในถุงหนังเก่า เพราะถุงหนังจะขาด เหล้าองุ่นจะรั่วและถุงหนังจะเสียหายไปด้วย แต่เขาย่อมใส่เหล้าองุ่นใหม่ลงในถุงหนังใหม่และทั้งสองอย่าง จะไม่เสียหาย” (มธ 9:14-17)
พระวรสารตอนนี้ เป็นคำอุปมาของพระเยซูเจ้า เพื่อสอนศิษย์ของยอห์นในเวลานั้น ให้เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงวิธีคิด ตลอดจนแนวทางในการดำเนินชีวิตเพื่อติดตามพระเจ้า ให้สอดคล้อง กับพันธสัญญาใหม่ที่พระเจ้าจะทรงกระทำต่อมนุษย์ ผ่านทางพระคริสตเจ้า เพื่อผู้ที่เชื่อ และวางใจในพระองค์จะได้รับ และได้เข้าใจ โดยไม่ยึดติดอยู่กับธรรมบัญญัติ หรือธรรมเนียมดั้งเดิม ที่ชาวยิวถือปฏิบัติกันอยู่ในเวลานั้น
“เรามิได้มาเพื่อลบล้าง แต่มาเพื่อปรับปรุงให้สมบูรณ์สมบูรณ์” (มธ 5:17) ผ่านการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน น้ำองุ่นหมักใหม่ จึงหมายถึงพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นพันธสัญญาใหม่ ส่วนถุงหนังใหม่นั้น หมายถึงพระศาสนจักร หรือกลุ่มผู้เชื่อที่ต้องปฏิรูปหรือเปลี่ยนแปลง เพื่อเตรียมรองรับน้ำพระทัยของพระเจ้า ได้อย่างแท้จริง จากพระวรสารตอนนี้ เราสามารถเรียนรู้หลักในการปฏิรูปชีวิตของเรา ให้เป็นถุงผนังใหม่ได้ดังนี้
1. ปฏิรูปชีวิตส่วนตัว
ชีวิตที่ไม่ดำเนินอย่างเป็นธรรมบัญญัติ…
ในเวลานั้นศิษย์ของยอห์น ทักท้วงเรื่องการที่ศิษย์ของพระเยซูเจ้าไม่ได้ถือศีลอดอาหาร อย่างที่พวกเขาและพวกฟาริสีได้กระทำ พระเยซูเจ้าทรงสอนให้พวกเขาเข้าใจว่า แท้จริงแล้ว เบื้องหลังการอดอาหารนั้น คือให้เราจดจ่อในการแสวงหาพระเจ้า แต่ในเมื่อพระเจ้าคือองค์พระเยซูคริสต์ ทรงอยู่ต่อหน้าต่อตาเขา เขาจึงควรแสวงหาพระองค์ มากกว่าจดจ่อในเรื่องการอดอาหาร
หลายครั้งที่พระเยซูเจ้าทรงตำหนิพวกฟาริสี เรื่องการถือธรรมบัญญัติ ที่ปราศจากท่าทีในการแสวงหาพระเจ้าอย่างแท้จริง ชีวิตใหม่ของเรา จึงควรเป็นชีวิตที่มีความเข้าใจในธรรมบัญญัติ แต่ไม่ดำเนินอย่างเป็นธรรมบัญญัติ กลับมาพึ่งพาพระคุณความรักของพระเจ้า และจดจ่อในการแสวงหาพระองค์
ชีวิตที่ไม่ดำเนินในบาป…
พระเยซูเจ้าตรัสว่า “…วันหนึ่งที่เจ้าบ่าวจะถูกแยกไป วันนั้นเขาจะจำศีลอดอาหาร” หมายถึง การที่พระเยซูเจ้าต้องทนรับทรมาน ถูกตรึงกางเขน เพื่อเป็นค่าไถ่ความผิดบาปของมนุษย์ อันเป็นการทำให้ธรรมบัญญัตินั้นเสร็จสมบูรณ์ คือทำให้เราเป็นคนชอบธรรมได้ ผ่านความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงรับโทษบาปแทนเรา โดยพระคุณของพระเจ้านี้ เราจึงไม่ต้องอยู่ใต้ธรรมบัญญัติอีกต่อไป มิใช่เพื่อให้เราดำเนินอยู่ในบาปอีกต่อไป (รม 6:15-16) แต่เพื่อให้เราสำนึกในพระคุณความรักของพระเจ้า จนนำมาซึ่งการกลับใจใหม่จากบาป และดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง
2. ปฏิรูประบบภาพรวม
แม้น้ำองุ่นที่บรรจุอยู่ภายในจะดี แต่หากภาชนะไม่รองรับกัน คุณค่าและความดีงามนั้นก็จะสูญเปล่าไป ทั้งถุงหนังก็จะเสียไปด้วย ภาพรวมของพระศาสนจักร จึงจำเป็นต้องรองรับชีวิตของคริสตชนได้อย่างดี และเอื้อต่อการแสวงหาพระเจ้าในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างการอภิบาล การบริหาร หรือโครงสร้างเวลา ที่ช่วยให้คริสตชนสามารถสัมผัสพระเจ้าได้ รับการเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ได้ง่าย และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยไม่จำกัดอยู่กับรูปแบบ หรือวิธีการเดิม ๆ แต่ยังคงไว้ซึ่งเนื้อหาสาระ และความเชื่อในพระเจ้า ผลที่จะเกิดขึ้นคือ คริสตชนจะได้รับชีวิตใหม่ที่มีสันติสุข และเสรีภาพในพระเจ้าอย่างแท้จริง