รอยยิ้มของแม่พระ
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ และซิสเตอร์คนหนึ่ง นั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อน ทั้งสองกำลังสวดภาวนาอยู่อย่างร้อนรน คนหนึ่งเป็นชาวเยอรมัน ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นชาวฝรั่งเศส ทั้งสองมิได้ใช้คำพูดใด ๆ แต่กิริยาท่าทางของทั้งสองแสดงออกถึงการให้กำลังใจแก่กันและกัน ไม่ไกลจากที่นั่น มีกลิ่นหอมของดอกกุหลาบ กลิ่นน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ที่สมเด็จพระสันตะปาปา บเนดิกต์ที่ 16 ทรงใช้เจิมผู้ป่วย ก่อนที่จะปกพระหัตถ์เหนือพวกเขา ซิสเตอร์ผู้ป่วยกล่าวในภายหลังว่า
“ดิฉันประทับใจมากกับความอ่อนโยน ความชื่นชมยินดี และการเสด็จมาของพระองค์ เพื่อผู้อื่น”
เช้าวันที่ 15 กันยายน 2008 ที่ลูร์ด ผู้ป่วยอีก 10 ท่าน เช่นเดียวกับเธอทั้งสอง ได้รับการโปรดศีลเจิมผู้ป่วยจากพระหัตถ์ของพระสันตะบิดร ผู้ป่วยมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ป่วยเป็นโรคมะเร็ง เป็นอัมพาตหรืออัมพฤกษ์ โรคโครโมโซมผิดปกติทำให้ปัญญาอ่อนหรือพิการแต่กำเนิด ฯลฯ พระสันตะปาปาทรงแสดงความสนพระทัยต่อผู้ป่วยแต่ละคน
พระสันตะปาปาตรัสว่า “พระหรรษทานโดยตรงของศีลเจิมผู้ป่วย คือการต้อนรับพระคริสต์ผู้ทรงเป็นหมอรักษาโรค อย่างไรก็ตาม ในการรักษาเรามนุษย์ พระองค์มิได้ทรงปรากฏพระกายให้เราเห็น แต่ประทานความบรรเทาด้วยการเสด็จมาประทับอยู่กับผู้ป่วย ทรงแบกความเจ็บป่วยไว้ และทรงเจริญพระชนมชีพร่วมกับเขา”
สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงเชื้อเชิญบรรดาผู้ป่วยให้
“เพ่งดูรอยยิ้มของพระนางพรหมจารีมารีย์” เพราะ “น้ำตาของผู้ป่วยคือ น้ำพระเนตรของพระนางเองที่เชิงกางเขน เป็นน้ำพระเนตรที่เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ไม่มีวันลบเลือน ขณะที่ประทานพระเมตตาแห่งความเป็นพระมารดาต่อชาวเราอย่างไม่เปลี่ยนแปลง… รอยยิ้มนี้ คือท่อธารแห่งความหวังที่ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน”